วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผู้บริหารที่ดี




                                                             ผู้บริหารที่ดี

         การบริหารเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนและงาน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการบริหารงานดังนั้นจึงต้องใช้การปกครองอย่างมีศิลปะ เพื่อให้สามารถครองใจคนและได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพเกิดคุณภาพ ถือว่าเป็นศาสตร์และศิลป์ในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้ การดูแล การจูงใจจะต้องนำก่อนทำเป็นตัวอย่างตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรให้เป็นที่ชื่นชมยินดี

ประเภทของผู้นำ 









  • ผู้นำแบบเผด็จการ เป็นผู้นำที่มีความเด็ดขาดในตัวเองถือเรื่องระเบียบวินัย กฏเกณฑ์ข้อบังคับเป็นหลัก ในการดำเนินงานการตัดสินใจต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับผู้นำแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ในแง่การบริหารงานทางด้านวิชาการด้านธุรกิจจะเปรียบเสมือนกิจการที่เป็นเจ้าของบุคคลเดียว ที่มีการดำเนินการและตัดสินใจเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการเท่านั้น

  • ผู้นำแบบประชาธิปไตย ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในโลกปัจจุบัน ให้สิทธิ์ในการออกความคิดเห็น สิทธิในการเรียกร้อง รวมไปถึงการเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วยการเป็นประชาธิปไตยจึงเป็นลักษณะหนึ่งที่สังคมค่อนข้างจะยอมรับกันมากกว่าผู้นำประเภทอื่น ๆ

  • ผู้นำแบบตามสบาย เป็นผู้นำที่ไปเรื่อย ๆ มีความอ่อนไหวไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผู้นำที่เป็นที่รักของผู้ร่วมงานอย่างมาก ผู้นำประเภทนี้จึงมีมากมายตามแต่ละกิจกรรมต่าง ๆ บางครั้งอาจมองว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง หรือมองโลกในแง่ดีซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาที่ขยันอาจจะไม่ชอบลักษณะผู้นำประเภทนี้


  • ในทางปฏิบัติบางแห่งในตัวผู้นำอาจจะมีรูปแบบของการเป็นผู้นำทั้ง 2 ประเภทในคนเดียว อาจจะมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นออกมาแต่ละประเภท ซึ่งสามารถควบคุมการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลักษณะการใช้อำนาจของผู้นำแตกต่างกันออกไป เพราะในตัวผู้นำแต่ละคนมีอำนาจมีอิทธิพล สามารถดำเนินการหรือสั่งการได้ตามความเหมาะสม


    การใช้อำนาจของผู้บริหารแบ่งได้ดังนี้

    1. การใช้อำนาจเด็ดขาด อาจจะเป็นในวงการทหารหรือตำรวจ จะเห็นได้อย่างเด่นชัดซึ่งจำเป็นจะต้องมีความเด็ดขาดในการสั่งการ เพราะทหาร ตำรวจ จะต้องมีวินัยในการปกครองซึ่งกันและกัน บรรดาตำรวจที่มีอาวุธอยู่ในมือด้วยแล้ว หากขาดวินัยก็จะเสมือนกับกองโจรที่สามารถกระทำผิดได้ตลอดเวลา

    2. การใช้อำนาจอย่างมีศิลปะ ผู้นำโดยทั่วไปเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีความอดทนรวมไปถึงประสบการณ์ในการบังคับบัญชาคน หากการทำงานโดยเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วผลงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นที่ยอมรับของคนโดยทั่วไป

    3. การใช้อำนาจด้วยวิธีการปรึกษาหารือ เป็นลักษณะของการใช้อำนาจวิธีการหนึ่งซึ่งใช้กันอย่างมากมาย เพราะผู้บริหารที่เปิดใจกว้างย่อมได้รับการยอมรับของผู้ร่วมงานด้วยกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการสอนงานแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในลักษณะการใช้อำนาจด้วยวิธีการปรึกษาหารือ

    4. การใช้อำนาจแบบมีส่วนร่วม บางคนอาจจะบอกว่าการใช้อำนาจแบบมีส่วนร่วมถือเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดเนื่องจากผู้บริหารเปิดใจกว้าง ผลผลิตที่ได้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดแต่จะต้องขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของแต่ละคน ในทางทฤษฎีแล้ว การใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมรวมถึงลักษณะของการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรมนั้น ๆ


    หน้าที่ของผู้นำแบ่งออกได้ดังนี้



    1. ลักษณะของการควบคุม คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ใครมาควบคุม แต่ในทางปฏิบัติงานแล้ว การควบคุมอยู่ห่าง ๆ จะได้ผลดีตามมาในลักษณะของการติดตามผลงานอาจจะใช้การควบคุมด้วยระบบเอกสาร ระบบของงานที่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกันหรือเป็นการควบคุมในระบบด้วยตัวของมันเองอย่างอัตโนมัติ

    2. ลักษณะของการตรวจตรา เป็นหน้าที่โดยตรงของผู้นำหรือผู้บริหารที่จะต้องติดตามความเคลื่อนไหวหรือผลการดำเนินงานตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขในเหตุการณ์นั้น ๆ ได้ทันการ

    3. ลักษณะของการประสานงาน การประสานงานของหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งการประสานงานในเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานถือว่าเป็นความจำเป็นและสำคัญอย่างมากในการปฏิบัติงาน

    4. ลักษณะของการวินิจฉัยสั่งการ การสั่งการของผู้นำถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะผู้นำที่ดีจะรู้จักการใช้คนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การวินิจฉัยสั่งการที่ดีนั้นจะต้องมีความชัดเจนสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที

    5. ลักษณะของการโน้มน้าวให้ทำงาน ผู้นำมีหน้าที่หลักอย่างหนึ่งคือการชักชวนให้สมาชิกมีความสนใจในการปฏิบัติงานหน้าที่การงานด้วยความตั้งใจ มีความซื่อสัตย์สุจริต และเต็มใจที่จะทำงานนั้น ๆ ให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากที่สุด

    6. ลักษณะของการประเมินผลงาน การพิจารณาความดีความชอบตลอดระยะเวลาการทำงานของพนักงานถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจในการทำงาน การประเมินผลการปฏิบัติงานที่ดีควรกระทำเป็นระยะ ๆ และสามารถแจ้งผลให้ผู้ที่ถูกประเมินได้ทราบเพื่อจะได้แก้ไขในโอกาสต่อไป หากสามารถประเมินผลงานได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมแล้ว ปัญหาด้านการบริหารงานบุคคลย่อมลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน


    คุณสมบัติที่ดีของผู้นำ



    1. มีความรู้ ความสามารถ การใช้สติปัญญานั้น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ เมื่อมีสติปัญญาดีก็เกิด

    2. เป็นผู้มีสังคมดี คำว่าสังคมดีคือจะต้องมีลักษณะของการเป็นผู้นำที่มีอารมณ์มั่นคงมีวุฒิภาวะ มีความเชื่อมั่นในตนเองมีความสนใจและใช้กิจกรรมต่าง ๆ อย่างกว้างขวางเพื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน

    3. เป็นผู้ที่มีแรงกระตุ้นภายใน คือมีจิตสำนึกเกิดขึ้นในตัวของผู้นำ เป็นแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ต่อแรงจูงใจที่จะโน้มน้าวให้ผู้ปฏิบัติงานมีความปรารถนาที่จะทำงานตรงนั้นให้เกิดความสำเร็จ

    4. เป็นผู้ที่มีทัศนคติที่ดีและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีผู้นำจะต้องตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของตัวเอง ของลูกน้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน มองโลกในแง่ดีในการที่จะทำให้กิจการต่าง ๆ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย


    ลักษณะของผู้นำที่จะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพสูงสุด  



    1. ต้องเป็นนักเผด็จการ หมายถึงผู้บริหารสามารถจะสั่งการได้อย่างเด็ดขาด ผลผลิตที่ได้มาส่วนใหญ่จะมาด้วยปริมาณ ส่วนเรื่องคุณภาพที่จะดีในช่วงแรก ๆ หากผู้นำสามารถสอดส่องดูแลอยู่ตลอดเวลา ผลผลิตก็อาจจะมีทั้งปริมาณและคุณภาพที่ดีตามไปด้วย

    2. ต้องเป็นนักพัฒนา ผู้นำประเภทนี้จะต้องมีผู้ร่วมงานที่รู้ใจ สามารถสร้างสรรงานใหม่ ๆ ตลอดเวลา

    3. ต้องเป็นนักบริหาร ผู้นำประเภทนี้จะใช้การทำงานด้วยวิธีใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้สมาชิกได้ร่วมแสดงความคิดเห็นแม้กระทั่งในการวางนโยบายต่าง ๆ การทำงานโดยทั่วไปจึงเป็นไปในลักษณะประชาธิปไตย ผู้ร่วมงานจะต้องเป็นผู้มีคุณภาพเพียงพอ สามารถตอบสนองการทำงานในระบบใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี

    4. ต้องเป็นนักเผด็จการอย่างมีศิลปะ ผู้นำประเภทนี้เป็นนักพูดที่เฉลียวฉลาด จะใช้การพูดเป็นการชักชวนให้เกิดการทำงานด้วยความเต็มใจ มีการเสนอแนะและหว่านล้อม ให้เห็นคล้อยตามไปโดยปริยาย

                การบริหารงานในปัจจุบันนี้ผู้บริหารทุกคนจำเป็นต้องใช้ภาวะการเป็นผู้นำเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะจะสามารถได้ใช้หรือพยายามชี้ความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชา หรือพนักงานออกมาในการปฏิบัติงานให้มากที่สุด พึงระลึกไว้เสมอว่าพนักงานทุกคนมีความสำคัญอย่างมากในการปฏิบัติงาน เป็นผู้ที่ผลักดันให้งานทุกอย่างของกิจการนั้นสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น การบริหารงานที่ดีจะต้องมีผู้บริหารที่มีภาวะ ความเป็นผู้นำและเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งการดำเนินชีวิตไปพร้อม ๆ กัน
    คุณสมบัติของการเป็นผู้บริหาร และผู้นำที่ดี 

    1. การเป็นผู้รู้จักตนเอง(Self realization) 

    • รู้ถึงความต้องการแห่งตน
    • รู้ถึงวิธีการสร้างเป้าหมายแห่งตน ไม่ว่าในชีวิตส่วนตัว หรืองาน
    • รู้ถึงขีดความสามารถแห่งตน ที่จะกระทำการใดๆ ได้เพียงใด
    • รู้ถึงวิธีการควบคุมตนเอง การมีวินัยในการใช้ชีวิต และการทำงาน
    • รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อตน และการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้น
    • รู้ว่าตนจะต้องลงทุนอะไร เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งต้องการ
    • รู้สึกได้ถึงความสุข ความทุกข์ ที่สัมผัสได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีผู้ไดมาชี้นำ
    • ยอมรับความจริงได้ทุกอย่าง ไม่หลอกตัวเอง     


    2.การเป็นผู้รู้จักการวิเคราะห์หาเหตุและผล (Analytical Mind) 

    • มองทุกสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า(Appearance)อย่างลึกซึ้ง คิดถึงที่ไป ที่มา ไม่ใช่แค่ที่เห็น
    • มองทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลึกถึงเหตุปัจจัย (Cause) และสามารถคาดคะเนผลที่เกิดตามมา (Consequence) ในปัจจุบัน และในอนาคตได้
    • เป็นผู้ที่ตั้งคำถามตลอดเวลา "ใคร(Who)? ทำอะไร(What)? ที่ไหน(Where)? เมื่อไร(When)?
      ทำไม(Why) อย่างไร(HOW)? " (5-W 1H)
    • เข้าใจถึง หลักการ "อริยสัจ" ของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดี
    • เป็นผู้ที่ช่างสังเกต ให้ความสนใจในรายละเอียดเพื่อเก็บมาเป็นข้อมูล
    • มองพฤติกรรมบุคคล (Person) เหตุการณ์ (Event) สามารถโยงถึง หลักการ (Principle) ได้ และ ใช้หลักการ (Principle) สร้างวิธีการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา และป้องกันปัญหา เพื่อให้เกิดเหตุการณ์ (Event) ที่ต้องการ และ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคล (Person) ให้อยู่ภายไต้การควบคุมได้


    3. การเป็นผู้เรียนรู้ตลอดกาล (Life Long Learning)

    • มีความรู้สึกว่าตนไม่รู้อะไรอีกมาก และตระหนักถึงความเป็นผู้ใฝ่รู้ตลอดเวลา
    • เข้าใจดีกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้สิ่งที่เคยรู้เมื่อวันวานอาจไม่ใช่ในวันนี้อีกต่อไป
    • มองเห็น สิ่งของ ผู้คน เหตุการณ์ เป็นสื่อสอนตนได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดี หรือสิ่งเลว และสามารถเลือกเก็บมาจดจำ และหยิบออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสม
    • ใฝ่ค้นหา ติดตาม ความรู้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับวิชาชีพ และการดำรงชีวิต
    • มุ่งเรียนรู้อย่างลึกซึ้งและจริงจังให้เป็นผู้รู้และเข้าใจในแต่ละเรื่องอย่างแท้จริง
    • สามารถนำองค์ความรู้ที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง ถูกเวลา และเหมาะสม
    • การเรียนรู้มี 2 อย่าง เรียนรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้และเรียนรู้สิ่งที่เรารู้ให้รู้มากขึ้น
    • นักปราชญ์บอกไว้ว่า ความรู้ที่แท้จริง คือการ "รู้ว่าเรารู้อะไร" และ "รู้ว่าเราไม่รู้อะไร" เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้น ให้ค้นหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ
    • กระบวนการเรียนรู้ของบุคคล เริ่มจาก ความปรารถนาของตน (Personal Vision) ถูกตั้งไว้ และกำหนดเป็นเป้าหมายใน
      ขั้นตอนของชีวิต เรียนรู้รูปแบบ ความคิดแห่งตนและผู้อื่น (Mental Model) อย่างเข้าใจ
      ให้ความสำคัญกับ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน (Shared vision) อย่างเปิดใจกว้าง และรับฟัง
      ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน (Team Llearning)
      รู้จักการคิดเชิงระบบ (System thinking) มีทักษะการวิเคราะห์ มองเหตุผล และมองเห็น คาดการณ์ ผลลัพธ์ในอนาคตได้ และสามารถสังเคราะห์กระบวนการที่สามารถนำไป สู่ความสำเร็จที่ต้องการ ได้
    • ความรู้ดังกล่าวของบุคคลในกลุ่มที่อยู่ร่วมกัน สามารถ นำไปสู่ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) และสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) ได้ในที่สุด อันเป็น สิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสังคมโลกยุคใหม่ (New Society) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รวดเร็ว และไม่สิ้นสุด 

    4. ความเข้าใจในจิตวิทยาการบริหาร 

           ในการบริหารงาน คงจะไม่ผิดนักหากจะพูดว่าพูด "คือการบริหารคน" นั่นเอง เพราะ คน เป็นผู้กำหนด วิธีการหรือระบบ (System) การได้มาและการบริหารการใช้ไปของทรัพยากร(Resource Management) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และผลสำเร็จของงาน การที่จะบริการคนซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ มีอารมณ์ และการแสดงออกที่ซับซ้อน ไม่ตรงไปตรงมา และมักมี "เป้าหมายซ่อนเร้นแห่งตน (Hidden Agenda)" อยู่ภายในเสมอ ทำให้การบริหารยาก และไม่อาจ กำหนดผลลัพธ์ อย่างตรงไปตรงมา ได้ ผู้นำที่เข้าใจจิตใจ ของมนุษย์ หากสามารถวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์ต่อจิตใจของคนได้ ก็จะสามารถคาดเดา พฤติกรรม แสดงออกของคนคนนั้นได้ไม่อยาก และสามารถที่จะสร้างสถานการณ์รองรับไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกัน ผลเสียหายจากปฏิกริยาตอบโต้ของคนได้ 

    5. การเป็นคนดี "Good Person"

             คนเก่ง และคนดีเป็นของคู่กัน แต่บางครั้งไม่ไปด้วยกัน "คนเก่ง" สร้างได้ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งแก่เฒ่า โดยการเรียนรู้ทุ่มเท แต่ "คนดี" สร้างได้ยากกว่านักจนบางครั้งก็สร้างไม่ได้เลย คนเรามีการพัฒนา Super ego ซึ่งได้แก่ มโนธรรม และอุดมคติแห่งตนในช่วงวัยเด็ก 5-10 ขวบ จากนั้นสิ่งที่ได้รับ มาจะกลายเป็น โครงสร้างพฤติกรรม ของคนๆ นั้น(Frame of Reference)เขาจะใช้มัน ปรับให้เข้า
    กับสิ่งแวดล้อม ที่สัมผัสโดยใช้ กระบวนการ ที่ซับซอ้นมากขึ้น การเป็นคนดีจะต้องมี การพัฒนาส่วนของ Super ego ของคนๆนั้น มาแล้ว เป็นอย่างดีโดย พ่อแม่ครูอาจารย์ ในช่วงปฐมวัย เมื่อเติบใหญ่ จะเป็นคนที่สามารถ ปรับสมดุล ในตนเองให้ได้ระหว่าง "กิเลส" จาก จิตเบื้องต่ำขับเคลื่อน ด้วย สัญชาติญาณแห่ง ความต้องการ ที่รุนแรงที่ไม่ต้องการเงื่อนไขและข้อจำกัดไดๆ กับ "มโนธรรม" ที่ขับเคลื่อนด้วย ความปารถนา ในอุดมคติแห่งตนที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดคนดี ควรมีคุณสมบัติดังนี้ 


    • มีความรู้ ไหวพริบ เฉลียวฉลาด (IQ= Intelligence Quatient) รู้แจ้งถึงความดีความชั่ว รู้ที่จะเอาตัวรอด จากเล่ห์อุบายของตัณหา คนชั่ว และนำพาตนเองและผู้คนให้เห็นแจ้งในทางที่ดีควร ประพฤติปฏิบัติได้
    • มีความอดกลั้น สติตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุ (EQ= Emotional Quatient) จนตกอยู่ในห้วง"กิเลส" คือ โลภะ โทษะ และโมหะ และเกิดปัญญาในการแก้ไข สร้างสรรค์ และเล็งเห็น ผลเลิศในระยะยาวได้
    • มีความอดทน มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค (AQ= Adversity Quatient) พร้อมที่จะเสียสละแรงกาย เพื่อให้ได้มาซึ่งอุดมคติแห่งตน และความดีที่ยึดมั่น ไม่หวั่นไหว ต่อคงามลำบากและอุปสรรคไดๆ
    • ไม่เป็นผู้ยึดติดกับสิ่งไดสิ่งหนึ่งจนเกินพอดี(VQ= Void Quatient)รู้ที่จะ ปรับเปลี่ยน ตนเอง ตลอดเวลาให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ที่มี การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างเหมาะสม
    • ป็นผู้มีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม (MQ= Moral Quatient) มีสำนึกของ "ความผิดชอบชั่วดี" มีความละอายใจต่อบาป ไม่ประพฤติชั่ว มุ่งทำแต่ความดี มีจิตใจที่ผ่องใส   









    http://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/Leadership_11.htm 
    http://www.blogger.com/blogger.g?blogID=6495904770991570148#editor/target=post;postID=4853071811281288753 

    ข้าวหอมมะลิ


    ข้าวหอมมะลิ (Thai Hom Mali Rice)




            เป็นสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย จัดเป็นข้าวนาปี ปลูกได้เพียงปีละ 1 ครั้ง ลักษณะข้าวเปลือกเรียวยาว เมื่อสีเป็นข้าวสารจะได้ข้าวเมล็ดเรียว ยาว ขาวใสเป็นเงา แกร่ง มีท้องไข่น้อย มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตย เป็นพันธุ์ข้าวที่นิยมบริโภคอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเป็นพันธุ์ข้าวที่สร้างชื่อเสียงให้ข้าวไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก

    แหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่สำคัญของไทย




                              


               ประเทศไทยถือเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีแหล่งเพาะปลูกสำคัญ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เขตทุ่งกุลาร้องไห้) และมีพื้นที่เพาะปลูกครอบคลุมกว่า 19 ล้านไร่ทั่วประเทศ โดยมีแหล่งผลิตสำคัญ คือ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด รองลงมาคือภาคเหนือ เนื่องจากสภาพดินฟ้า-อากาศและพื้นที่เพาะปลูกของทั้งสองภาคคล้ายคลึงกัน เหมาะแก่การเจริญเติบโตของข้าวหอมมะลิ กล่าวคือ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ดอน ฝนจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ชาวนาจะเริ่มหว่านไถ ในเดือนมิถุนายน และเพาะปลูกอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม เมื่อฝนเริ่มหมด ปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน จึงเริ่มเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนความชื้นจะน้อยเพราะเป็นช่วงที่ลมหนาวจากเมืองจีนเริ่มพัดเข้ามาในสองภาคนี้ ทำให้อากาศแห้งเหมาะในการเก็บเกี่ยว การตาก การนวด ก็ทำได้ง่าย เพราะน้ำแห้งนาหมดแล้ว ไม่มีฝน จึงทำให้ได้เมล็ดข้าวที่มีคุณภาพ สำหรับการปลูกข้าวหอมจะทำกันได้ดีเฉพาะที่ที่เป็นนาดอนเสียเป็นส่วนใหญ่

    คุณสมบัติของข้าวหอมมะลิ 





         ข้าวหอมมะลิที่นิยมปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายคือพันธุ์ ขาวดอกมะลิ 105 และ พันธุ์ กข.15 ความหอมของข้าวหอมมะลิ เกิดจากสารระเหยชื่อ 2-acetyl-1-pyroline ซึ่งเป็นสารที่ระเหยหายไปได้ การรักษาความหอมของข้าวหอมที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่ การเก็บเกี่ยว การเก็บรักษาข้าวเปลือกการสีข้าว และการเก็บรักษาข้าวที่สีเรียบร้อยแล้วการจะรักษาความหอมของข้าวเอาไว้ต้องพยายามหลีกเลี่ยงภาวะแวดล้อมที่ร้อน อบอ้าว และมีความชื้นสูง การตากแดดหรือใกล้สถานที่ร้อนจัดเป็นเวลานานๆ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งสภาวะที่เหมาะสมคือที่ที่มีอากาศค่อนข้างเย็น มีการถ่ายเทของอากาศดี ความชื้นไม่สูง

    ข้าวหอมใหม่ (NEW CROP) 

         หมายถึงข้าวหอมที่พึ่งเก็บเกี่ยวมาได้สักระยะหนึ่ง และมีการดูแลรักษาอย่างดี ก่อนที่จะนำมาบริโภค ข้าวหอมใหม่จะให้ความหอมขณะหุงต้ม ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากข้าวชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ข้าวหอมที่หุงแล้ว ยังมีลักษณะนุ่มเหนียว มียาง เกาะตัวกันพอสมควร มีรสชาติอร่อย
    ข้าวหอมที่เก็บไว้นานขึ้น (ข้าวเก่า) คือ ข้าวที่เก็บเกี่ยวมาแล้วเก็บไว้เป็นเวลานาน 5-6 เดือนขึ้นไป ความหอมจะเจือจางลง รวมทั้งความนุ่มเหนียวลดลงด้วย เมื่อนำข้าวหอมนี้มาหุงจะต้องใช้ปริมาณน้ำมากขึ้นกว่าข้าวใหม่ ถึงแม้ความหอมจะลดน้อยลงไปแต่ยังคงมีรสชาติอร่อยเหมือนเดิม 


    ประเภทของข้าวหอมมะลิ

        กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ได้แบ่งประเภทของ ข้าวหอมมะลิไทย ออกเป็น 2 ประเภท คือ ข้าวขาว (8 ชนิด) และข้าวกล้อง ( 6 ชนิด)
    • ข้าวขาวแบ่งออกเป็น 8 ชนิด ดังนี้
      1. ข้าวขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 1
      2. ข้าวขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 2 (มีปริมาณส่งออกมากที่สุด)
      3. ข้าวขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 3
      4. ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์
      5. ข้าวขาว 10 เปอร์เซ็นต์
      6. ข้าวขาว 15 เปอร์เซ็นต์
      7. ข้าวขาวหักเอวันเลิศพิเศษ
      8. ข้าวขาวหักเอวันเลิศ
       
    • ข้าวกล้องแบ่งออกเป็น 6 ชนิด ดังนี้
      1. ข้าวกล้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 1
      2. ข้าวกล้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 2
      3. ข้าวกล้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 3
      4. ข้าวกล้อง 5 เปอร์เซ็นต์
      5. ข้าวกล้อง 10 เปอร์เซ็นต์
      6. ข้าวกล้อง 15 เปอร์เซ็นต์

    ข้าวหอมมะลิแท้-ดูอย่างไร

    วิธีการตรวจความเป็นข้าวหอมมะลิ

    การตรวจสอบที่สามารถยืนยันว่าเป็นข้าวหอมมะลิแท้หรือไม่นั้น ปัจจุบันมีเพียงวิธีเดียว คือ การตรวจสายพันธุกรรม (DNA) ซึ่งมีสถาบันที่สามารถตรวจสอบได้อยู่น้อย* มีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบค่อนข้างสูง และต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร นอกจากนี้ยังมีวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อเป็นแนวทางในการบ่งชี้หาความเป็นข้าวหอมมะลิ คือ วิธีการตรวจทางกายภาพ
    * สถาบันตรวจสอบเอกลักษณ์พันธุกรรม ข้าวหอมมะลิ (DNA)
    1. สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
    2. ศูนย์ปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

    วิธีการตรวจลักษณะเมล็ดข้าวเปลือกหอมทางกายภาพ

    พิจารณาจาก ลักษณะสีของเปลือก ขนาดรูปทรงของเมล็ดข้าวเปลือก ลักษณะพิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่บ่งชี้ว่าเป็นข้าวหอมอะไร (ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญ) เช่น
    - ข้าวหอมมะลิ 105 มีจุกหางแยกออกชัดเจน
    - ข้าวหอมมะลิ กข.15 ที่จุกหางมีลักษณะงอนขึ้นมากกว่า และเมล็ดจะกว้างกว่า
    - ข้าวปทุมธานี 105 จะมีลักษณะคล้ายกับ หอมมะลิ 105 ต่างกันที่จุกหางจะแยกน้อยกว่า

    วิธีการตรวจลักษณะเมล็ดข้าวสารหอมที่ผ่านการกะเทาะเอาเปลือกและรำ ออกแล้ว



    การตรวจทางกายภาพ (มีมาตรฐานกำหนด) พิจารณาจาก ลักษณะรูปทรงของเมล็ดข้าวขนาดความยาวของเมล็ดข้าวและความยาวเฉลี่ย ต่อความกว้างของเมล็ด ลักษณะพิเศษ ที่บ่งชี้ว่าเป็นข้าวหอมอะไร และวิธีตรวจสอบเมล็ดข้าวสุกที่ต้มในน้ำเดือด
    การตรวจทางเคมี คือ การทดสอบหาปริมาณอมิโรส การทดสอบหาปริมาณข้าวเจ้าอื่นที่ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิไทยปน โดยการหาค่าการสลายเมล็ดข้าวในด่าง หรือการย้อมสี และการทดสอบความสดของข้าว








    ข้าวหอมมะลิ (Thai Hom Mali Rice)

           เป็นสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย จัดเป็นข้าวนาปี ปลูกได้เพียงปีละ 1 ครั้ง ลักษณะข้าวเปลือกเรียวยาว เมื่อสีเป็นข้าวสารจะได้ข้าวเมล็ดเรียว ยาว ขาวใสเป็นเงา แกร่ง มีท้องไข่น้อย มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตย เป็นพันธุ์ข้าวที่นิยมบริโภคอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเป็นพันธุ์ข้าวที่สร้างชื่อเสียงให้ข้าวไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก

    แหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่สำคัญของไทย

         ประเทศไทยถือเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีแหล่งเพาะปลูกสำคัญ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เขตทุ่งกุลาร้องไห้) และมีพื้นที่เพาะปลูกครอบคลุมกว่า 19 ล้านไร่ทั่วประเทศ โดยมีแหล่งผลิตสำคัญ คือ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด รองลงมาคือภาคเหนือ เนื่องจากสภาพดินฟ้า-อากาศและพื้นที่เพาะปลูกของทั้งสองภาคคล้ายคลึงกัน เหมาะแก่การเจริญเติบโตของข้าวหอมมะลิ กล่าวคือ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ดอน ฝนจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ชาวนาจะเริ่มหว่านไถ ในเดือนมิถุนายน และเพาะปลูกอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม เมื่อฝนเริ่มหมด ปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน จึงเริ่มเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนความชื้นจะน้อยเพราะเป็นช่วงที่ลมหนาวจากเมืองจีนเริ่มพัดเข้ามาในสองภาคนี้ ทำให้อากาศแห้งเหมาะในการเก็บเกี่ยว การตาก การนวด ก็ทำได้ง่าย เพราะน้ำแห้งนาหมดแล้ว ไม่มีฝน จึงทำให้ได้เมล็ดข้าวที่มีคุณภาพ สำหรับการปลูกข้าวหอมจะทำกันได้ดีเฉพาะที่ที่เป็นนาดอนเสียเป็นส่วนใหญ่

    คุณสมบัติของข้าวหอมมะลิ

          ข้าวหอมมะลิที่นิยมปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายคือพันธุ์ ขาวดอกมะลิ 105 และ พันธุ์ กข.15 ความหอมของข้าวหอมมะลิ เกิดจากสารระเหยชื่อ 2-acetyl-1-pyroline ซึ่งเป็นสารที่ระเหยหายไปได้ การรักษาความหอมของข้าวหอมที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่ การเก็บเกี่ยว การเก็บรักษาข้าวเปลือกการสีข้าว และการเก็บรักษาข้าวที่สีเรียบร้อยแล้วการจะรักษาความหอมของข้าวเอาไว้ต้องพยายามหลีกเลี่ยงภาวะแวดล้อมที่ร้อน อบอ้าว และมีความชื้นสูง การตากแดดหรือใกล้สถานที่ร้อนจัดเป็นเวลานานๆ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งสภาวะที่เหมาะสมคือที่ที่มีอากาศค่อนข้างเย็น มีการถ่ายเทของอากาศดี ความชื้นไม่สูง 


    ข้าวหอมใหม่ (NEW CROP)  


            หมายถึงข้าวหอมที่พึ่งเก็บเกี่ยวมาได้สักระยะหนึ่ง และมีการดูแลรักษาอย่างดี ก่อนที่จะนำมาบริโภค ข้าวหอมใหม่จะให้ความหอมขณะหุงต้ม ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากข้าวชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ข้าวหอมที่หุงแล้ว ยังมีลักษณะนุ่มเหนียว มียาง เกาะตัวกันพอสมควร มีรสชาติอร่อย
    ข้าวหอมที่เก็บไว้นานขึ้น (ข้าวเก่า) คือ ข้าวที่เก็บเกี่ยวมาแล้วเก็บไว้เป็นเวลานาน 5-6 เดือนขึ้นไป ความหอมจะเจือจางลง รวมทั้งความนุ่มเหนียวลดลงด้วย เมื่อนำข้าวหอมนี้มาหุงจะต้องใช้ปริมาณน้ำมากขึ้นกว่าข้าวใหม่ ถึงแม้ความหอมจะลดน้อยลงไปแต่ยังคงมีรสชาติอร่อยเหมือนเดิม ส่วนความนุ่มนวลนั้น แม้จะลดลงบ้างเมื่อเทียบกับข้าว-หอมใหม่ แต่ก็ไม่ร่วนแข็งกระด้างเหมือนข้าวชนิดอื่น ๆ















    http://www.thaisiamboonphong.com/index.php?lay=show&ac=cat_show_pro_detail&cid=22594&pid=92975


    http://www.afet.or.th/v081/thai/product/bhmr/


    ดอยตุง


    ดอยตุง พระตำหนักดอยตุง ไร่แม่ฟ้าหลวง 



       
                                     


                   ดอยตุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเด่นของเชียงราย อยู่เหนือจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 45 กิโลเมตร  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาวอยู่ทางด้านซ้ายของเส้นทางที่มุ่งไปอำเภอแม่สาย แต่เดิมเป็นเทือกเขาหัวโล้นที่ถูกชาวเขาตัดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร  จนกระทั่งสมเด็จย่าได้เสด็จมายังดอยตุงและทรงมีพระราชดำรัสว่า ฉันจะปลูกป่าดอยตุง  หลังจากนั้นในปี 2530  รัฐบาลจึงได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นโดยปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ ได้ดึงชาวเขาเข้ามาทำงานในโครงการปลูกป่าดอยตุง  แต่ก่อนนั้นเส้นทางขึ้นดอยตุงเป็นเส้นทางลอยฟ้า คือเมื่อนั่งรถบนถนนดอยตุงแล้วมองลงมาก็จะเห็นวิวโล่งๆ ไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ แต่ในปัจจุบันนี้ดอยตุงกลับคืนสภาพเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อนั่งรถไปตามเส้นทางขึ้นดอยตุงจะเห็นแต่ต้นไม้แน่นขนัดนั่นล้วนเป็นป่าปลูกทั้งสิ้น  หลังจากโครงการปลูกป่าแล้วเสร็จจึงได้มีการสร้างพระตำหนักดอยตุง และมีโครงการอีกหลายๆ โครงการตามมาเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น 
              จากเทือกเขาหัวโล้นกลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวดอยตุงเป็นจำนวนมาก  แหล่งท่องเที่ยวบนดอยตุงที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมได้แก่  สวนแม่ฟ้าหลวง  พระตำหนักดอยตุง  พระธาตุดอยตุง  สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงดอยช้างมูบ 



    ไร่แม่ฟ้าหลวง  


          หรือสวนดอยตุง  เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนัก  สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี  กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัว งานประติมากรรมนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า " ความต่อเนื่อง "  นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่ม จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ ที่มีดอกสวยงามมาก  ความภาพความสวยงามของสวนแม่ฟ้าหลวง



                           



    สวนดอกไม้ภายในสวนแม่ฟ้าหลวง



          
     




    งานประติกรรมกลางสวน 



    พระตำหนักดอยตุง 
                       
                                  






                                                         ภาพถ่ายด้านหน้าพระตำหนัก


              เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์  พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า  เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์  ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว  บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม  พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม




           


    ภาพซ้าย อีกมุมหนึ่งของพระตำหนัก                  ภาพขวา บริเวณระเบียงด้านหลังพระตำหนัก



    ค่าธรรมเนียมการเข้าชม   ท่านละ 150 บาท  รวม 3  สถานที่ ( สวนแม่ฟ้าหลวง   พระตำหนักดอยตุง  หอพระราชประวัติ )

    การเดินทาง  จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางสาย 110 เป็นเส้นทางที่มุ่งสู่แม่สาย  ประมาณ กม. 870-871  เลี้ยวซ้ายขึ้นดอย 17 กม. ถึงพระตำหนักดอยตุง



    พระตำหนักดอยตุง  

        อยู่บริเวณ กม. ที่ 12 ทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระ-ตำหนักเป็นอาคารสองชั้น มีรูปทรงผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนากับชาเลย์ของสวิส มีการแกะสลักไม้ตามกาแล เชิงชายและขอบหน้าต่างเป็นลวดลายต่าง ๆ ฝีมือช่างชาวเหนือ

    การเดินทาง 


        พระตำหนักดอยตุงอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 60 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 110 ไป 45 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1149 ไปประมาณ 15 กิโลเมตร สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถประจำทางสามารถใช้บริการรถสองแถวสีม่วงบริเวณปากทาง รถออกตั้งแต่ 07.00 น. มีรถออกทุก 20 นาที

    พระตำหนักดอยตุง  
       
         เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์ ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม


    เยี่ยมชมพระตำหนัก พักรีสอร์ทเยือนหมู่บ้านชาวเขาเดินเท้าในดงกุหลาบพันปี...








    รื่นรมย์ชมไม้เมืองหนาว


          ณ สวนแม่ฟ้าหลวงละลานตาด้วยแปปลงไม้ดอก และไม้พุ่ม จากทุกมุมโลกหมุนเวียนกันเบ่งบานตลอดปีสวยสดราวผืนพรมธรรมชาติที่แปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ชมสวนหิน สวนน้ำพุ น้ำผุด ที่จะปรับเปลี่ยนไปทุกปี ในช่วงงาน ห่มหนาว ราวเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน 



    ณ หอพระราชประวัติ 


       เรียนรู้ปรัชญาในการดำรงพระชนม์ชีพ ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงให้ชีวิตใหม่แกดอยตุง ราษฎรพากันขานพระนามของพระองค์ว่า “แม่ฟ้าหลวง”
    นิทรรศกาวจัดแสดงด้วยเทคนิคทันสมัยน่าตื่นใจ และสะเทือนอารมณ์ นับแต่เสด็จสู่สวรรคาลัย ก่อนจะย้อนกลับไปยังช่วงต้นของพระชนม์ชีพ แรกพบสมเด็จพระบรมราชชนก พระราชพิธีอภิเษกสมรส ทรงร่วมใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ทรงงอภิบาลพระประมุขของชาวไทย 2 พระองค์พร้อม เสด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงงานด้านการศึกษา สาธารณสุข สาธารณกุศล และทรงได้รับยกย่องจากยูเนสโกเป็น บุคคลดีเด่นแห่งศตวรรษที่ 20


    เชียงราย อารยนครอายุกว่า 700 ปี มีมนต์เสน่ห์ล้ำลึกของวัฒธรรมล้านนา กลมกลืนกันอยู่ในโอบล้อมของผืนป่า ที่เริ่มคืนความเขียวชอุ่ม ภายหลังเกิดโครงการพัฒนาดอยตุงฯ กว่า 30 ปี ที่ผ่านมา ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระศรีนครินทรายรมราชนนี ชาวเขาและชาวพื้นราบในบริเวณรอบดอยตุง ยอดสูงสุดของดอยนางนอน พรมแดนไทย – เมียนมาร์ ได้เปลี่ยนวิถีจากการปลูกและเสพฝิ่น ถางป่าตัดป่าและทำไร่เลื่อนลอย หันมาทำการเกษตร ปลูกพืชผักเมืองหนาว ทำไร่กาแฟและแมคคาเดเมีย สร้างผลงานเย็บปักถักร้อย ที่เชือมต่อวัตถุดิบพื้นถิ่น และหัตถศิลป็พื้นเมือง สู่การใช้งานในชีวิตประจำวันแบบสากล ในขณะที่กลุ่มชน 30 ชาติพันธุ์ ที่ยังคงอาศัยอยู่อย่างสงบตามไหล่เขา และบนดอยสูงแนบแน่นอยู่กับแระเพณีดั้งเดิมของตน โดยไม่ถูกวัฒนธรรมเมืองกลืนกิน
    วันนี้...ดอยตุงพร้องต้อนรับผู้มาเยือนสู่วิถีชุมชนสัมมาชีพ ในโอบล้อมของสวนป่า และอุทยานที่แลล้วนด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ อันงดงามเกินบรรยาย






    ดินชมดงกุหลาบพันปี 


           ณ สวนรุกขชาติ ดอยช้างมูบ สงบสุขในเส้นทางธรรมชาติที่แวดล้อมด้วยกลิ่นไม้สน เข้าสู่ดงกุหลาบพันปีนานาพันธุ์ แล้วแวะชมธารน้ำพระทัย ธารน้ำผุดที่รินไหลสู่เบื้องล่าง













    พักรีสอร์ท 


            ณ ดอยตุง ลอด์จห่างจากพระตำหนักดอยตุงระยะเดิน 15 นาที สามารถมองเห็นหมู่บ้านชาวเขา ทุ่งนาป่าสน และดอยตุงในมุมกว้าง ท่ามกลางเสียงใบไม้ และนกร้อง
    มีห้องพักปรับอากาศเตียงคู่ และเดี่ยว 47 ห้อง พร้อมทีวี ตู้เย็น เครื่องเป่าผม บริการซักรีด ร้านขายของที่ระลึก ห้องประชุม สัมมนา ร้านอาหารครัวตำหนัก บริการอาหารไทยพร้อมผักปลอดสารพิษ เก็บสดจากไร่ในโครงการ

    เยือนหมู่บ้านชาวเขา 


          ชมวิถีชีวิตชาวเขาเผ่าอาข่า (อีก้อ) ลาหู่ (มูเซอ) ไทยใหญ่ (ฉาน) และจีนอพยพ ที่ยังคงรักษาพิธีกรรมเก่าแก่ไว้ได้ ในพื้นที่ร่ำรวยอารยธรรมชนเผ่าซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน






    คำไหว้บูชาพระบรมธาตุ 


    นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาธาตุ จิรงมะหาคะมานะ มามิหัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา






    พระบรมธาตุดอยตุงพระธาตุประจำผู้เกิดปีกุญ (กุน)พระบรมธาตุดอยตุง  
      
         เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของเชียงราย ประดิษฐานอยู่บนยอดดอยตุง ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุดอยตุง ต.ห้วยไคร้ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีถนนแยกจากบ้านห้วยไคร้ขึ้นไปจนถึงองค์พระบรมธาตุ องค์พระบรมธาตุเจดีย์ มีอยู่ 2 องค์ โดยมีเรื่องเล่าว่าได้มีการนำพระบรมธาตุมาบรรจุที่ดอยตุงถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งก็จะมีการก่อเจดีย์ขึ้นด้วย แต่มีเพียง 2 องค์เท่านั้นที่ได้รับการบูรณะและอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพระเจดีย์ทั้ง 2องค์นี้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้า และพระธาตุย่อย องค์พระธาตุบรมธาตุเจดีย์ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ ๒๐๐๐ เมตร
    หลุมตุง

          อยู่ใกล้ ๆ กับพระธาตุดอยตุงเป็นหลุมสำหรับปักตุงของพระมหากัสสป ปัจจุบันได้รับการดูแลอย่างดี มีการกั้นรั้วล้อมไว้เป็นสัดส่วน




    ตามตำนาน


          มีว่า เดิมสถานที่ตั้งพระบรมธาตุดอยตุง มีชื่อว่า ดอยดินแดง อยู่บน เขาสามเส้น ของพวกลาวจก ต่อมาสมัยพระเจ้าอุชุตะราช รัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศ์สิงหนวัต ผู้ครองนครโยนกนาคนคร เมื่อปี พ.ศ. ๑๔๕๒ พระมหากัสสป ได้นำพระบรมสารีริกธาตุในส่วนของพระรากขวัญเบื้องซ้าย (ไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้ามาถวาย ซึ่งตรงตามคำทำนายของพระพุทธองค์ว่า " ที่ดอยดินแดงแห่งนี้ ต่อไปจะเป็นที่ประดิษฐานพระมหาสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในภายภาคหน้า"
    พระเจ้าอุชุตะราช มีพระราชศรัทธา ได้เรียกหัวหน้าลาวจกมาเฝ้า พระราชทานทองคำจำนวนแสนกษาปณ์ ให้เป็นค่าที่ดินบริเวณดอยดินแดงแก่พวกลาวจก แล้วทรงสร้างพระสถูปขึ้น โดยนำธงตะขาบยาว ๓,๐๐๐ วา ไปปักไว้บนดอย เมื่อหางธงปลิวไปไกลเพียงใด้ ให้กำหนดเป็นฐานพระสถูปเพียงนั้น ดอยดินแดงจึงได้ชื่อใหม่ว่า ดอยตุง (คำว่า ตุง แปลว่า ธง) เมื่อสร้างพระสถูปเสร็จ ก็ได้นำพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวบรรจุไว้ให้คนสักการะบูชาต่อมาสมัยพระเจ้าเม็งรายมหาราช แห่งราชวงศ์ลาวจก พระมหาวชิระโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวาย จำนวน ๕๐ องค์ พระเจ้าเม็งรายจึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้นอีกองค์หนึ่ง เหมือนกับพระสถูปองค์เดิมทุกประการ ตั้งคู่กัน ดังปรากฎอยู่จนถึงทุกวันนี้ชาวเชียงราย มีประเพณีการเดินขึ้นดอยบูชาพระธาตุ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีพระธาตุดอยตุง ถูกกำหนดให้เป็นพระธาตุเจดีย์ของผู้ที่เกิดปีกุญ เนื่องเพราะปู่เจ้าลาวจกและพระยามังราย ต้นวงศ์กษัตริย์เชียงใหม่ต่างก็ประสูติใน "ปีกุญ"


    องค์พระบรมธาตุเจดีย์

         มีอยู่ 2 องค์ โดยมีเรื่องเล่าว่าได้มีการนำพระบรมธาตุมาบรรจุที่ดอยตุงถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งก็จะมีการก่อเจดีย์ขึ้นด้วย แต่มีเพียง 2 องค์เท่านั้นที่ได้รับการบูรณะและอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพระเจดีย์ทั้ง 2 องค์นี้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้า และพระธาตุย่อย


    สวนแม่ฟ้าหลวง 


         เป็นแหล่งท่องเที่ยวเด่นของเชียงราย อยู่เหนือจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 45 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาวอยู่ทางด้านซ้ายของเส้นทางที่มุ่งไปอำเภอแม่สาย แต่เดิมเป็นเทือกเขาหัวโล้นที่ถูกชาวเขาตัดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร จนกระทั่งสมเด็จย่าได้เสด็จมายังดอยตุงและทรงมีพระราชดำรัสว่า ฉันจะปลูกป่าดอยตุง




          หลังจากนั้นในปี 2530 รัฐบาลจึงได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นโดยปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ ได้ดึงชาวเขาเข้ามาทำงานในโครงการปลูกป่าดอยตุง แต่ก่อนนั้นเส้นทางขึ้นดอยตุงเป็นเส้นทางลอยฟ้า คือเมื่อนั่งรถบนถนนดอยตุงแล้วมองลงมาก็จะเห็นวิวโล่งๆ ไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ แต่ในปัจจุบันนี้ดอยตุงกลับคืนสภาพเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อนั่งรถไปตามเส้นทางขึ้นดอยตุงจะเห็นแต่ต้นไม้แน่นขนัดนั่นล้วนเป็นป่าปลูกทั้งสิ้น หลังจากโครงการปลูกป่าแล้วเสร็จจึงได้มีการสร้างพระตำหนักดอยตุง และมีโครงการอีกหลายๆ โครงการตามมาเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น
     
        จากเทือกเขาหัวโล้นกลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวดอยตุงเป็นจำนวนมากแหล่งท่องเที่ยวบนดอยตุงที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมได้แก่ สวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง พระธาตุดอยตุง สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงดอยช้างมูบสวนแม่ฟ้าหลวง หรือสวนดอยตุง เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนัก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัว งานประติมากรรมนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า " ความต่อเนื่อง " นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่ม จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ ที่มีดอกสวยงามมาก ความภาพความสวยงามของสวนแม่ฟ้าหลวง

    ค่าธรรมเนียมการเข้าชม

         ท่านละ 150 บาท รวม 3 สถานที่ ( สวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง หอพระราชประวัติ )
    การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางสาย 110 เป็นเส้นทางที่มุ่งสู่แม่สาย ประมาณ กม. 870-871 เลี้ยวซ้ายขึ้นดอย 17 กม. ถึงพระตำหนักดอยตุง




























    เกาะสิมิลัน

    เกาะสิมิลัน


                                                




    เกาะสิมิลัน

    เรื่อง ทะเลสีคราม ที่หมู่เกาะสิมิลันหมู่เกาะสิมิลัน เป็นความงามแห่งท้องทะเลอันดามัน ประกอบด้วยภูมิทัศน์ทั้งบนเกาะและใต้ท้องทะเล   มีชื่อเสียงที่กระฉ่อนไปทั่วโลก  กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนต้องพบกับความสวยงามประทับใจทั้งบนเกาะและใต้น้ำ

                    หมู่เกาะสิมิลัน ประกอบด้วยเกาะต่างๆ ถึง เกาะด้วยกัน ได้แก่ เกาะเก้า (บางู), เกาะแปด (สิมิลัน), เกาะเจ็ด (หินกะโหลก-หินพุทรา), เกาะหก (ปายู), เกาะห้าเกาะสี่ (เมี่ยง), เกาะสาม (ปายัน), เกาะสอง (ปายังและเกาะหนึ่ง (หูยงตามลำดับที่ทอดแนวตำแหน่งที่ตั้งของตัวเกาะต่างๆ จากด้านเหนือจรดด้านใต้





           

    จุดชมวิวที่ลานข้าหลวง บนเกาะสี่


    น้ำทะเลที่สิมิลัย จัดว่าใสจริงๆ





              นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันได้ประกาศพื้นที่เกาะตาชัย อีกเกาะหนึ่งเข้าไปด้วยกัน ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ทางตอนเหนือของหมู่เกาะสิมิลัน  เป็นเกาะที่มีทรัพยากรที่สวยงามบริสุทธิ์ตามธรรมชาติไว้ครบถ้วน
    การเดินทางสู่หมู่เกาะสิมิลันค่อนข้างสะดวกที่สุด เริ่มต้นจาก ท่าเรือทับละมุ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักใช้บริการของบริษัททัวร์ท่องเที่ยวที่จัดเป็นโปรแกรมท่องทะเลหมู่เกาะสิมิลันโดยเฉพาะ สำหรับเรือเมล์หรือเรือโดยสารก็ได้มีบริการในรูปแบบของเรือเร็วที่ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ  คิดค่าโดยสารก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน แต่ถ้าเป็นเรือโดยสารแบบเรือช้าค่าโดยสารก็ถูกลงมาตามสัดส่วน




       
       


          การเดินทางจากแผ่นดินกำลังเข้าสู่หมู่เกาะสิมิลันด้วยเรือที่ทันสมัย สะดวกสบาย จนถึงหมู่เกาะสิมิลันได้โดยไว นับจากหัวเกาะด้านเหนือคือตำแหน่งของ เกาะเก้า หรือ เกาะบางู ถัดมาก็เป็น เกาะแปด หรือ เกาะสิมิลัน เป็นเกาะที่หมีขนาดใหญ่ยาวตามแนวทิศเหนือจรดทิศใต้ เป็นลักษณะเกาะที่มีป่าเขียวครึ้มทั้งเกาะ บนสันเขาด้านใต้จะเป็นประภาคารตั้งอยู่โดดเด่นทิศทางของเรือได้แล่นมุ่งหน้าอ้อม เกาะเจ็ด หรือ เกาะหินกะโหลก เพื่อแวะชมปะการังที่ เกาะหก หรือ เกาะปายู




    น้ำทะเลใสกับแนวปะการังตามเกาะต่างๆ


    เกาะสี่



           บริเวณหน้าอ่าวของเกาะหก จะเป็นแหล่งชมปะการังน้ำตื้นด้วยการสกินไดฟ์   ปะการังที่พบจะเป็นปะการังเขากวางหลายชนิด   บางจุดจะเป็นปะการังเขากวางชั้นโค้ง หรือเป็นปะการังเขากวางชั้น บางแห่งพบปะการังช่องแผ่น   บางแห่งก็พบปะการังเห็ดมีลักษณะคล้ายดอกเห็ดรูปทรงกลม มีสีแดงอมม่วง พบปะปนกับ ปะการังก้อนรูปสมอง หรือปะการังแหวนชนิดต่าง 
          นอกเหนือจากภาพหมู่ปะการังแล้ว จะพบปลาสวยงาม อย่างเช่น ปลานกแก้วตัวสีเขียวอมฟ้า หัวสีชมพู มีลวดลายสีเขียวสลับ หรือเป็นปลาวัว ปลานกขุนทอง ปลาเขียวพระอินทร์  ปลาผีเสื้อข้างลาย พื้นผิวลำตัวสีเหลืองอมฟ้า มีลายคาดเส้นเล็กๆตามแนวเฉียงเป็นจำนวนมาก, ปลาผีเสื้อมะนาว พื้นผิวสีเหลืองอ่อน มีคาดดำผ่านตา 1 แถบ ลำตัวมีลายจุดเป็นจำนวนมาก และปลาโนรี หรือปลาผีเสื้อครีบยาว มี ครีบหลังเป็นเส้นยาวเลยปลายหาง ยามแหวกว่ายจะพลิ้วไปมาอย่างงดงาม  




                          

    ปะการังอ่อนใต้ทะเลสสิมิลัน
              

    หินเรือใบ เอกลักษณ์ของเกาะสิมิลัน



            บนเกาะสี่ อันเป็นที่ตั้งของอุทยานฯสิมิลัน มีเรือนพัก ห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านสวัสดิการของอุทยานฯ สำหรับที่พักจะมีเรือนแถว  สร้างอยู่ท่ามกลางแมกไม้อันร่มรื่น และยังมีบ้านพักที่ปลูกสร้างไว้ตามเนินเขาตามสภาพภูมิปะเทศของตัวเกาะซึ่งมีพื้นที่ราบค่อนข้างน้อย ด้านหน้าจะเป็นบริเวณกางเต็นท์ไว้เป็นสัดส่วน ซึ่งเป็นของอุทยานฯ เท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเอง ต้องไปพักที่เกาะแปด แต่ดูเหมือนพื้นที่กางเต็นท์ที่นำท่องเที่ยวนำมาเองค่อนข้างจะไม่มีให้เหลือใช้บริการ       

               ผืนทรายที่ขาวเนียนตัดกับผืนน้ำสีครามสดใส คือ โลกของความงามของหมู่เกาะสิมิลัน ที่นักท่องเที่ยวปรารถนาจะมาได้สัมผัสกับธรรมชาติของหมู่เกาะกลางท้องทะเลอันดามัน เกาะสี่ หรือเกาะเมี่ยง จะมีแหล่งธรรมชาติที่สวยงามหลายจุด หากเดินข้ามเกาะไปทางหาดเล็กจะเป็นหนึ่งที่สงบเงียบเช่นกัน



                         


    มองจากหินเรือใบบนเกาะแปด
           

    ปลานกแก้ว


    ระหว่างจะมีทางแยกขึ้นไปขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขาที่มีชื่อว่า ลานข้าหลวง จะเป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นไปไกลพอสมควร เมื่อถึงยอดเขาที่เป็นจุดชมวิว เป็นมุมภาพมุมสูงที่สามารถมองเห็นมิติของท้องทะเลได้อย่างสวยงาม  

                  หากต้องการค้นหาความสวยบริสุทธิ์ของท้องทะเล ก็ต้องเป็นที่  เกาะหนึ่ง หรือ เกาะหูยง ตามข้อมูลของอุทยานฯ ได้ประกาศห้ามมิให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปยังตัวเกาะ เนื่องจากว่าต้องสงวนไว้เป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลที่มีการวางไข่ทุกปี เนื่องจากเป็นเกาะที่ยังสภาพธรรมชาติสงบเงียบ   มีหาดทรายขาวและอ่อนนุ่ม ด้านบนยอดเขาก็มีจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะสิมิลัน มองเห็นหาดทรายขาวตัดกับผืนน้ำทะเลสีครามที่ไล่โทนสีตามความลึกของน้ำทะเล มีลักษณะองค์ประกอบความงดงามที่ลงตัว  



           
        


                เต่าทะเลที่คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว                                             ปลาสวยงาม


           บริเวณด้านหน้าของเกาะหนึ่งจะมีแนวหาดทรายขาวอยู่ด้านหน้าเกาะ  ถัดไปด้านหลังหาดจะเป็นป่าดงทึบ ส่วนผืนน้ำทะเลสีครามสดใส จนมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำได้ชัดเจน และพบว่าเป็นแหล่งปะการังน้ำตื้นที่ค่อนข้างสมบูรณ์กว่าที่ไหนๆ โดยแนวปะการังจะครอบคลุมเป็นพื้นที่บริเวณกว้างยาวตามแนวหาด  
       การเดินทางไปเกาะแปด  เรือใหญ่จึงแล่นเข้าไปจอดหน้าอ่าวของ เกาะแปด มองเห็นน้ำทะเลใสเป็นสีครามจนสามารถมองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ เราจะเห็นภาพที่เป็นเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อของหมู่เกาะสิมิลันนั้น ก็คือ หินรูปเรือใบ ที่ตั้งเด่นบนแนวโขดหินสูง  ถัดไปยังปลายแหลมหินก็ยังมีหินรูปรองเท้าบู๊ทอีกแท่งหนึ่งด้วย



      

    หินเรือใบ
      

    กุ้งมังกร




               หินเรือใบจะเป็นทำเลจุดชมวิวเกาะแห่งนี้ได้ดีที่สุด ทางอุทยานฯก็จะได้พัฒนาเส้นทางปีนป่ายโขดเขาขึ้นไปด้านบน มีทั้งสะพานไม้ เชือกสำหรับเกาะกันพลาดลื่นตกลงมา เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนใต้เชิงหินที่มีรูปทรงเป็นรูปเรือใบ จะเป็นลักษณะลานหินกว้าง สามารถนั่งเล่นพักผ่อนชมทิวทัศน์ท้องทะเลได้กว้างขวาง
      จากจุดชมวิวหนรูปเรือใบเราสามารถมองเห็นผืนน้ำทะเลสีครามเข้ม วางตำแหน่งที่โอบล้อมด้วยโค้งอ่าวเป็นรูปเกือกม้า ซึ่งจะมีเรือนักท่องเที่ยวจอดผูกทุ่นอยู่เป็นจุดเล็กๆ ทางด้านปลายเกาะก็มีโขดหินขนาดเล็กผุดตามผืนน้ำอยู่มากมาย จนแลดูเป็นภาพที่สวยงามน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน   
     โลกทะเลสีครามแห่งท้องทะเลอันดามันที่มีชื่อเสียง  หมู่เกาะสิมิลัน คือ สวรรค์อันดามัน ที่ทุกคนสามารถมาสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกบนตัวเกาะ หรือโลกใต้ท้องทะเลที่มีความงดงามสมบูรณ์ที่สุดของเมืองไทย  



      

       การเดินทางสู่หมู่เกาะสิมิลัน

    รถยนต์ส่วนตัว



              จากกรุงเทพฯ ลงไปตามเส้นทางหมายเลข ผ่านประจบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง และตรงไปยังตะกั่วป่า ก่อนถึง อ.ท้ายเหมือง จะมีทางแยกเข้าท่าเรือทับละมุ
    และอีกเส้นทางหนึ่ง  จากกรุงเทพฯ ลงไปถึงชุมพร ใช้เส้นทางหมายเลข 41 แล้วแยกขวาไปตามทางหลวง 401 จนถึง อ.ตะกั่วป่า แยกซ้ายไปตามหมายเลข จนถึงทางแยกเข้าท่าเรือทับละมุ

                รถประจำทาง

    กรุงเทพฯ-พังงา  
                                   รถปรับอากาศ 24 ที่นั่ง  รถปรับอากาศ 40 
    ที่นั่ง   กรุงเทพฯ-ตะกั่วป่า   สอบถามรายละเอียด โทร.
      เครื่องบิน
    -บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชนมีเที่ยวบินกรุงเทพฯ ภูเก็ตทุกวัน สอบถามรายละเอียด โทร. 1566, 0 –2280- 0060, 0- 2628 -2000
    สำนักงานภูเก็ต โทร. 0 -7621 -1195, -0 7621 -2499, 0 -7621 -2946
    -สายการบินแอร์เอเซีย สอบถามรายละเอียดที่ โทร.0-2515-9999 หรือ 
    -บางกอกแอร์เวย์ โทร.0-2229-3456-63











    ฤดูกาลท่องเที่ยว ทางฝั่งทะเลอันดามันจะเปิดฤดูกาลให้ท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน-เมษายน จะเร็วจะช้าอย่างไรก็ขึ้นกับสภาพอากาศด้วย
    การเตรียมตัว ควรวางแผนและติดต่อที่พัก เรือ อาหาร เป็นเวลาล่วงหน้า เดือน อุทยานฯ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 500 คน/วัน 

     หมายเหตุ
    บ้านพัก ติดต่องานบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมป่าไม้ โทร. 0-2561-2920-21
    เต็นท์พักแรม ติดต่อที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทร. 0-7659-5045 โทรสาร 0 7659 5210 (ฝั่ง), 0-7642-2136  เกาะแปด     อีเมล reserve@dnp.go.th
     อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน
    93 หมู่ 5 บ้านทับละมุ ถ.เพชรเกษม ต.ลำแก่น อ. ท้ายเหมือง จ. พังงา 82210
            




    http://www.moohin.com/trips/phang-nga/simiran/